การฝึกซ้อมวิ่งมาราธอน

หากคุณคือคนที่อยากจะเริ่มวิ่งมาราธอนนั้น เป็นการดีที่จจะได้ฝึกทั้งความแข็งแกร่งของร่างกาย รวมทั้งจิตใจที่ต้องต่าสู้กับความเหน่ือยยากลำบาก ลองมาวิ่งมาราธอนดูครับ ผมเชื่อว่าทุกวันนี้การวิ่งมาราธอนเป็นอะไรที่บูมขึค้นมามาก ใครๆก็วิ่งกัน หากคุณอยากเิร่มวิ่ง ง่ายๆเพียงแค่ซ้อมตารมนี้คือ
ในแต่ละสัปดาห์ให้วิ่งจำนวน 3-4 4 วัน โดย 2 หรือ 3 วันเป็นการวิ่งซ้อม 45 นาที และอีก1วันที่เหลทือเป็นการวิ่งระยะยาวอย่างน้อย 10 กิโล
ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆโดยคงการซ้อมที่ 45 นาที แต่ใน 1 อาทิตย์ให้เพิ่มวันที่ วิ่งระยะยาวจาก 10กิโล เป็น 11 12 13 ไปเรื่อยๆ เพียง 16 อาทิตย์คุณจะสามารถวิ่งระยะทางมาราธอน 42 กิโลได้ครับ
ลองดูกันนะ

ความแตกต่างระหว่างการทำงานกับเรียนหนังสือ

ในการทำงานนั้น มีความตึงเครียดอยู่มากกว่าเนื่องจากสิ่งที่เราทำ มีผลนอกจากแค่ตัวเราแต่เป็นกับองค์กร หากทำอะไรผิดพลากและมีผลกระทบกับคนอื่นผลยิ่งมีความเครียด มากกว่า แต่สำหรับการเรียนหนังสือนั้น ทำไม่ดีก็กระทบแค่ตัวเอง จึงไมา่เครียเดเท่าใดนัก และที่สำคัญ เวลาเรียน มีเวลาพักผ่อนปิดเทอมเยนอะมากมหาศาล ทำงานหยบุึดทั้งปี ได้เพียง 15 วันเป็นอย่างมาก แต่ตอนเรียน มีปิดเทอม ถึง 2 ครั้ง รวมกันก็ 4 เดือนไปแล้ว ทำให้หากต้องการทำอะไร ควรทำต้องแต่ตอนเรียนหนังสือที่ยังมีเวลา ตอนทำงานคุณจะไม่ค่อยเหลือเวลาเลยนะครับ

การผัดวันประกันพรุ่งอย่างสร้างสรรค์

การผัดวันประกันพรุ่ง ดูผิวเผินแล้วอาจเป็นอะไรที่ควรหลีกเลี่ยง รหือบั่นทอนตัวเราไม่ให้ทำอะไรที่อยากทำสำเร็จ เพราะมันคือการเลื่อนสิ่งที่ต้องทำออกไปข้างหน้าๆ เหมือนการอ่านหนังสือ เวลาเรียนมหาลัย หากผัดวันประกันพรุ่ง ก็ไม่ได้อ่าน จะเป็นดินพอกหางหมู มีอะไรให้อ่านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ว่ายังมีการผัดวันประกันพรุ่งที่สร้างสรรค์ หรือการผัดวันประกันพรุ่งที่ดี นั่นคือการที่เรามองว่าสิ่งใดไม่จำเป็นต้องทำ ทำแล้วไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆต่อตัวเรา มีแต่จะผ่อนคลายเช่น การดูทีวี การ เล่นเกมส์มือถือ การเล่นโซเชียล ไม่ควรใใช้เวลากับมันมากเกินไป เราควรผัดมันออกไป

เวลาที่อยากเล่นก็บอกกับตัวเองว่า อีก 5 นาทีค่อยเล่น หรือ 10 นาทีค่อยเล่น ค่อยๆเพิ่มเวลาไปเรื่อยๆ ผัดมันออกไป ถีบมันออกไป แล้วโกัสกับเป้าหมายของเราไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรืออ่านหนังสือ
เท่านี้ คุณก็จะสารมารถเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ดีแล้ว