การแก้ปัญหามีบุตรยาก

บทความดีๆวันนี้เราจะมานำเสนอวิธีแก้ปัญหาอาการมีบุตรยากซึ่งอาจจะเกิดจาก อสุจิเพศชายไม่แข็งแรง หรือปัจจัยสุขภาพด้านอื่นๆ

ในทางการแพทย์มีวิธีแก้ปัญหาอาการมีบุตรยาก จะสรุปให้ฟังคร่าวๆดังนี้

  • GIFT หรือ ที่เราเรียกว่าการทำกิฟท์ เป็นการให้แพทย์นำอสุจิของพ่อและไข่ของแม่ นำไปผสมกันในท่อนำไข่ในตัวแม่
  • ICSI เป็นการฉีดอสุจิเข้าไปในไข่โดยตรงเพื่อให้แน่ใจว่าได้ผสมกันแน่ๆ
  • ZIFT เป็นการช่วยนำอสุจิกับไข่ที่ผสมกันแล้วกลายเป็นไซโกตเข้าไปในท่อนำไข่
  • SUZI คือการฉีดอสุจิให้แตะเยื่อเซลล์ไข่
  • IVF-ET หรือทีคนไทยเรารู้จักกันดีว่าเด็กหลอดแก้ว คือการนำไข่และอสุจิมา รวมกันเข้าไปในหลอดแก้ว เมื่อมันผสมกันได้เซลล์ จึงนำไปฉีดใหม่ในตัวแม่
  • มีเพศสัมพันธ์ในวันไข่ตก

หวังว่าคงได้เกร็ดความรู้รอบตัวดีๆนะครับ

31 thoughts on “การแก้ปัญหามีบุตรยาก”

  1. สามีนำ้เชื้อไม่แข็งแรงทำอย่างไรหรือมีวิธีไหนที่สามารถมีลูกได้ แต่เป้นวิธีที่ถูกที่สุดนะคะ

  2. คือดิฉัน มีรังไข่ข้างซ้ายข้างเดียวค่ะ ข้างขวาเป็นซีสต์และผ่าตัดทิ้งไปแล้ว อยากทราบว่ายังจะมีลูกได้อีกรึป่าวคะ แต่งงานมา 8 ปีแล้วไม่เคยคุมกำเนิดเลย แต่ก็ยังไม่มี ผ่าตัดซีสต์ได้ประมาณ 2ปี แล้ว ตอนนี้เป็ฯกังวลมากค่ะ (ตอนนี้ดิฉันอายุ 24 ปี ค่ะ )

  3. ดิฉันมียาสมุนไพรมาแนะนำคะ สำหรับผู้ชาย และผู้หญิงที่มีลูกยาก
    ส่วนของผู้ชาย ยาสมุนไพรจะช่วยให้ผลิตน้ำเชื้่อได้มากขึ้น และน้ำอสุจิจะแข็งแรงสมบรูณ์
    ส่วนของผู้หญิง ยาสมุนไพรจะช่วยไปขับประจำเดือนที่ตกค้างในร่างกายทำให้หมดลูกสะอาด
    และจะติดลูกง่ายขึ้น
    ใครสนใจยินดีให้ข้อมูลคะ 087-3271622 pananthaporn@gmail.com

  4. ดิฉันอายุ18ปี สามีอายุ25ปี แต่งทานมา2ปี ไม่เคยคุมกำเนิดโดยวิธีใด แต่ไม่ท้องค่ะ

  5. แต่งงานมา9ปีคุมกำเนิด3ปีแต่ยังไม่มีบุตรเลยจะเป็นหมันห รื่อเป่ลา

  6.  
    พริมโรส พลัส ประโยชน์ที่มากกว่ามากมายสำหรับคุณผู้หญิง

                พริมโรส พลัส
            PRIMROSE PLUS

    นิวทริไลท์ พริมโรส พลัส เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรเฉพาะของนิวทริไลท์

    ประกอบด้วย

    ส่วนผสมของน้ำมันอีฟนิงพริมโรส

    น้ำมันโบราจ ที่ให้กรดแกมมา ไลโนเลนิก

    ขิงผงเข้มข้น

    สารสกัดจากตังกุย

    ซิตรัสไบโอฟลาโวนอยด์เข้มข้น

    เบต้าแคโรทีนจากธรรมชาติ ซึ่งให้สารไฟโตนิวเทรียนส์จากธรรมชาติ เจือสีธรรมชาติ

    ไม่ใช้วัตถุแต่งกลิ่นรสและวัตถุกันเสีย
    ใน 1 แคปซูลประกอบด้วย : น้ำมันโบราจ 129 มก. (18.96%), น้ำมันอีฟนิงพริมโรส 128 มก. (18.87%), ขิงผงเข้มข้น 51 มก. (7.6%), ซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์เข้มข้น 25 มก. (3.8%), สารสกัดจากตังกุย 17 มก.(2.6%), เบต้าแคโรทีน 100 หน่วยสากล (0.02%)
    วิธีบริโภค : รับประทานวันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร
    บรรจุขวดละ 120 แคปซูล

    ราคา 856 บาท(เม็ดละ 7 บาท รับประทานได้ 4  เดือนค่ะ)
    ฆอ. 5431/2552

                    จะเห็นว่าส่วนประกอบใน 1 เม็ด มีสารที่เป็นประโยชน์มากมาย  ต่อจากนี้เรามาลองดูว่าทำไม “พรีมโรส พลัส จึงให้ประโยชน์ได้มากกว่า”

    *          น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส  น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส คืออะไร พริมโรส (Primrose) มีถิ่นกำเนิดอยู่ในลาตินอเมริกา เป็นพืชในเขตหนาว ลำต้นสูง มีดอกสีเหลืองกลีบบาง ลักษณะของดอกจะเป็นก้านและดอกจะมีลักษณะแผ่กว้าง ในฝักของดอกพริมโรส (Primrose) จะมีเมล็ดสีน้ำตาล และมีน้ำมันชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส ออยส์ (Evening Primrose Oil) อยู่ในเมล็ดซึ่งทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบหลักของเยื่อหุ้มเซลล์ (Cell membrane) มีคุณสมบัติในการป้องกันการสูญเสียน้ำของเซลล์ผิวหนัง ผิวจึงคงความชุ่มชื่น สดใส เปล่งปลั่ง และมีน้ำมีนวล  น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส จะถูกร่างกายเปลี่ยนเป็น GLA โดยเอนไซม์ 6-Desaturase ซึ่ง GLA นี้เป็นสารตั้งต้นในกระบวนการสร้างพรอสตาแกลนดิน 1 (Prostaglandin E1 – PGE1) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทช่วยให้ร่างกายเกิดความสบาย ตลอดจนป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อาทิ ช่วยลดการอักเสบ ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง บรรเทาอาการแทรกซ้อนจากโรค เบาหวาน และที่สำคัญที่สุด คือ รักษาอาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือน

    น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสต่ออาการปวดประจำเดือนและอาการก่อนและหลังประจำ เดือน
    อาการที่เกิดขึ้นร่วมกันกับการมีประจำเดือน อันได้แก่ อาการปวดศรีษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย วิงเวียนศรีษะ ปวดหลัง รวมถึงอาการคัดหน้าอก เป็นอาการที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้หญิงเป็นอย่างมาก เป็นผลจากการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวมากเกินไป ทำให้ไขมันถูกเปลี่ยนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มมากขึ้นในเนื้อเยื่อมดลูก ส่งผลให้มดลูกบีบตัวมากกว่าปกติ ทำให้อาการปวดท้องในขณะที่มีประจำเดือนเกิดขึ้น นอกจากนี้กรดไขมันอิ่มตัวที่มากเกินไปจะทำให้ฮอร์โมนโปรแลคตินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการคัดหน้าอก และทำให้เลือดออกมาก เป็นผลให้เพิ่มการบีบตัวของเลือดในมดลูก ทำให้มีอาการปวดประจำเดือนมากด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ฮอร์โมนโปรแลคตินยังทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดศรีษะ ปวดหลัง ปวดเมื่อยรวมถึงอาการอ่อนเพลียขณะมีประจำเดือน

    น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส กับ โรคเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่

    ตามปกติ เยื่อบุมดลูกอยู่ในโพรงของมดลูกเป็นเนื้อเยื่อที่ตอบสนองต่อระดับของฮอร์โมน เพศเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน เมื่อถึงรอบเดือนเยื่อบุมดลูกจะหนาตัวขึ้น เพราะถูกฮอร์โมนเพศกระตุ้นแต่พอฮอร์โมนเพศลดระดับลง เยื่อบุมดลูกจะสลายตัวออกจากโพรงมดลูก หลุดออกมาเป็นประจำเดือนเมี่อออกมาหมดแล้ว และมีฮอร์โมนเพศมากระตุ้นอีก เยื่อบุมดลูกจะหนาขึ้นเหมือนเดิม และเมื่อระดับฮอร์โมนเพศลดลงก็จะออกมาเป็นประจำเดือนของเดือนถัดไปแต่ ในบางครั้งเยื่อบุมดลูกเกิดอยู่ผิดที่ กล่าวคือ ไม่อยู่ในโพรงมดลูก แต่กลับไปอยู่ที่ รังไข่บ้าง ช่องเชิงกรานบ้าง ดังนั้น เมื่อฮอร์โมนเพศมีระดับสูง เยื่อบุมดลูกที่อยู่ผิดที่จะหนาขึ้น และเมื่อระดับฮอร์โมนเพศลดลงก็จะออกมาเป็นเลือด แต่เลือดที่ออกมานี้จะระบายออกมาทางช่องคลอดเช่นเยื่อบุมดลูกที่อยู่ในโพรง มดลูกไม่ได้ เลือดที่ออกมาจะถูกขังอยู่เป็นถุงน้ำหรือซีสต์ ในรังไข่บ้าง ช่องเชิงกรานบ้าง ซึ่งถ้าก้อนมีขนาดใหญ่ก็อาจจะต้องทำการผ่าตัด ดังนั้นกรดไขมันจำเป็น ซึ่งก็คือ กรดแกมมา ไลโนเลนิก (GLA) ที่มีอยู่ในน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสจึงมีบทบาทต่อโรคเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่ เป็นอย่างมาก กล่าวคือ กรดแกมมา ไลโนเลนิก ถูกเอาไปสร้างพรอสตาแกลนดิน 1(Prostaglandin E1 – PGE1) สามารถบรรเทาอาการอักเสบของก้อนเนื้อได้ ทำให้อาการปวดลดลง

    น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสกับโรค ไขข้ออักเสบ
    ไขข้ออาจมีโอกาสอักเสบได้ เนื่องจากการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อมือ ข้อนิ้ว ที่ทำงานหนัก แต่การซ่อมสร้างต้องกระทำอย่างรวดเร็ว เมื่อมีอายุมากขึ้น ความสามารถในการซ่อมสร้างอาการอักเสบของข้อต่างๆของร่างกายนั้นลดน้อยลง จึงเกิดอาการอักเสบและมีอาการปวดข้อในผู้สูงอายุได้ นอกจากนี้ยังมีโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ ซึ่งเป็นโรคไขข้ออักเสบหลายๆข้อทั่วร่างกาย เกิดจากภูมิต้านทานไวเกินและมาทำร้ายเนื้อเยื่อของไขข้อและเนื้อเยื่อรอบข้อ ในผู้ป่วยที่เป็นโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์นี้ จะมีระดับพรอสตาแกลนดิน 1(Prostaglandin E1– PGE1) ที่รักษาอาการอักเสบต่ำมาก แต่มีระดับพรอสตาแกลนดิน 2 ที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบและจ็บปวดมากกว่าปกติ  โดยปกติ การรักษาอาการอักเสบของข้อเป็นหน้าที่ของพรอสตาแกลนดิน 1 (Prostaglandin E1 – PGE1) ซึ่งมีอยู่ใน น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส จะทำหน้าที่คอยบรรเทาอาการอักเสบและอาการบวมรอบข้อลงได้

    จากการ ศึกษาทดลองใช้ในผู้ป่วยเป็นเวลานาน 6 เดือน พบว่าผู้ป่วยที่รับประทาน น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส จะให้ผลลดอาการปวดและอักเสบตามไขข้อได้ดีกว่ายาหลอกอย่างชัดเจน

    น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสกับโรคเบา หวาน
    น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส สามารถช่วยป้องกันอาการเซลประสาทถูกทำลายจากโรค เบาหวาน จากการวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่า GLA ใน อีฟนิ่งพริมโรส สามารถช่วยป้องกันอาการดังกล่าวได้ และในบางรายยังสามารถทำให้เซลประสาทคืนกลับมาเหมือนเดิมได้ด้วย อาการปลายประสาทอักเสบ (neuropathy) นั้นจะพบได้บ่อยในผู้ป่วยโรค เบาหวาน จากการศึกษาที่นานนับปี มีผลวิจัยออกมาว่าอาการชาตามปลายประสาท อาการเจ็บปวดแปลบๆ และอาการสูญเสียความรู้สึกในผู้ป่วย เบาหวาน จะลดน้อยลงจากชัดเจนในรายที่รับประทาน น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส กว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทาน

    น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสกับปัญหา โรคอื่นๆ
    -น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส กับผื่นแพ้และกลากน้ำนม
    ผู้ ที่มีอาการของผื่นแพ้ โดยเฉพาะในเด็กที่เป็นกลากน้ำนม ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนกรดไขมันโอเมก้า 6 ชนิดกรดไลโนเลอิก (Linoleic – LA) ให้เป็นกรดแกมมา ไลโนเลนิก (GLA) ได้ หรือถ้าเปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนได้น้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เนื่องจากขาดเอนไซม์ในปฏิกิริยาชีวเคมีบางชนิด

    -น้ำ มันอีฟนิ่งพริมโรส กับผิวพรรณ
    ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่น ปรับสภาพผิวที่แห้งกร้านให้กลับดูนุ่มนวลสดใส ลดริ้วรอยและความหมองคล้ำของผิวพรรณ ช่วยลดการเกิดสิวอุดตัน ตลอดจนช่วยรักษาอาการผิดปกติทางผิวหนัง เช่น ผิวหนังแห้ง รวมถึงอาการผมร่วง มีรังแค และเล็บเปราะได้

    นอกจากนี้ยังช่วยรักษาอาการโรคเรื้อนกวาง (eczema) ซึ่งทำให้ผู้ป่วยโรคนี้มีอาการลดลงสามารถปริมาณการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ลงไป

    -น้ำ มันอีฟนิ่งพริมโรส กับ โรคความดันโลหิตสูง
    โรคของหลอดเลือดอันเกิดจาก ไขมันในเลือดสูง ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและเสียความยืดหยุ่น แรงดันเลือดในหลอดเลือดเพิ่มสูงขึ้นจากความแข็งของเลือด อันเป็นสาเหตุสำคัญของโรคความดันโลหิตสูง การที่หลอดเลือดเพิ่มแรงต้านทานในการไหลของหลอดเลือดจะส่งผลกระทบต่อหัวใจ กล่าวคือ จะต้องออกแรงบีบไล่เลือดไปตามหลอดเลือดที่แข็งตัวแรงกว่าเดิม เป็นเหตุให้ความดันโลหิตเพิ่มตาม

    กรดไขมันจำเป็น คือ กรดแกมมา ไลโนเลนิก (GLA) ใน น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสสามารถลดความดันโลหิตลงได้

    -น้ำ มันอีฟนิ่งพริมโรส กับ โรคหัวใจ
    โรคหัวใจ เกิดจากไขมันในเลือดสูง ทำให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือด หลอดเลือดมีขนาดรูแคบลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอและเกิดอาการแน่นหน้าอก ปวดในหน้าอก จนกระทั่งหัวใจวายได้ใน น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส มีกรดโอเมก้า 6 ช่วยป้องกันไม่ให้เลือดจับตัวกันเป็นก้อน ป้องกันไม่ให้เกิดตะกอนของไขมันในหลอดเลือด และป้องกันโรคหัวใจได้

    -น้ำ มันอีฟนิ่งพริมโรส กับ โรคไต
    ผู้ป่วยที่ป่วยเป็น โรคไต บางรายที่กินยาบางตัว หรือได้รับสารพิษบางตัว ซึ่งสารเคมีดังกล่าว มักจะไปยับยั้งการสร้างฮอร์โมนพรอสตาแกลนดิน 1 (Prostaglandin E1 – PGE1) แล้วทำให้ไตเสียตามมา การบริโภคกรดไขมันจำเป็นโอเมก้า 6 ชนิด GLA จะสามารถถนอมรักษาไตให้คงสภาพปกติได้นานเนื่องจากการบริโภคน้ำมันอีฟนิ่ง พริมโรสเข้าไป จะทำให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนพรอสตาแกลนดิน 1 (Prostaglandin E1 – PGE1) ได้มากขึ้น ส่งผลให้สามารถแก้ไขความเสียหายของไตที่เกิดขึ้นให้กลับคืนสู่ปกติได้

    -น้ำ มันอีฟนิ่งพริมโรส กับ โรคจิตใจ
    โรคจิตเภท (Schizophrenia) เกิดขึ้น เนื่องจากมีความผิดปกติทางชีวเคมีในสมองของผู้ป่วย ทำให้เกิดอาการทางสมอง คือ ควบคุมตนเองไม่ได้ ซึมเศร้า ทำอะไรไม่รู้ตัว ประสาทหลอน ซึ่งอาการดังกล่าวนักวิทยาศาสตร์คาดว่า อาจเป็นเพราะร่างการขาดกรดไขมันจำเป็น ชนิด กรดแกมมา ไลโนเลนิก (GLA) และมีฮอร์โมนพรอสตาแกลนดิน 1 (Prostaglandin E1 – PGE1) ไม่เพียงพอรวมทั้งยังมีกรดไขมันจำเป็นชนิด กรดไลโนเลอิก (Linoleic – LA) น้อยกว่าปกติ ดังนั้น การบริโภค น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส จะทำให้เพิ่มกรดไขมันจำเป็น ส่งผลให้ลดอาการทางจิตใจได้

    -น้ำมันอี ฟนิ่งพริมโรส กับ โรคอัลไซเมอร์
    โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคความจำเสื่อม มักจะเกิดกับผู้สูงอายุ มีอาการหลงลืม โดยสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับปัจจุบันไป แต่สามารถจำอดีตได้ การที่ผู้สูงอายุสูญเสียความทรงจำไปนี้เพราะขาดกรดไขมันจำเป็น ผลก็คือ เม็ดเลือดแดงจะมีเยื่อหุ้มเซลล์แข็งขึ้นกว่าเดิม ทำให้จับออกซิเจนได้ลดลง เป็นผลให้สมองได้รับเลือดไปเลี้ยงน้อยกว่าปกติ จึงเกิดอาการหลงลืม การบริโภค น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส เข้าไป สามารถเพิ่มกรดแกมมา ไลโนเลนิก (GLA) จะทำให้เม็ดเลือดแดงกลับคืนสู่สภาพปกติ กล่าวคือ สมองได้รับออกซิเจนไปเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น อาการดังกล่าวข้างต้นก็จะทุเลาลง

    -น้ำ มันอีฟนิ่งพริมโรส กับ โรค ไข้หวัด
    หลังจากการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด ร่างกายจะอ่อนเพลียเสมอ ทั้งนี้เพราะการติดเชื้อหวัดจะกระทบต่อการดูดซึมกรดไขมันจำเป็นชนิดกรดไลโน เลอิก (Linoleic – LA) เข้าสู่ร่างกาย อีกทั้งยังยับยั้งการเปลี่ยนกรดไลโนเลอิก (Linoleic – LA) ไม่ให้เป็นกรดแกมมา ไลโนเลนิก (GLA) อีกด้วย
    ในขณะที่เป็นหวัด ร่างกายจึงขาดกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 6 อย่างรุนแรงทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว และเกิดอาการอ่อนเพลียอย่างรุนแรง ซึ่งการบริโภค น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส จะสามารถบรรเทาอาการหวัดลงได้

    -น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส กับ โรคตับเรื้อรัง
    ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง จะมีกรดไขมันจำเป็นในเลือดผิดปกติ โดยมีกรดชนิด กรดไลโนเลอิก (Linoleic – LA) สูงผิดปกติ แต่เมตาโบไลต์ชนิดอื่นในปฏิกิริยาเคมีอยู่ในระดับต่ำ แสดงว่าร่างกายของผู้ป่วยโรคตับเรื้อรังไม่สามารถเปลี่ยน กรดไลโนเลอิก (Linoleic – LA) ให้กลายเป็นกรดแกมมา ไลโนเลนิก (GLA) ดังนั้นฮอร์โมนพรอสตาแกลนดิน 1 (Prostaglandin E1 – PGE1) จึงมีระดับต่ำ ทำให้โรคตับมีอาการกำเริบขึ้น เพราะภูมิต้านทานจะต่ำลง อาการอักเสบมีมากขึ้น เม็ดเลือดขาวทำงานไม่ดี การบริโภค น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส จะสามารถบรรเทาอาการโรคตับลงได้

    *          น้ำมันโบราจ – Borage Oil     น้ำมันโบราจได้มาจากเมล็ดของต้นโบราจ borago officinalis หรือ starflower พบทั่วไปในยุโรปแทบเมดิเตอเรเนียน แอฟริกาเหนือ และ อเมริกาเหนือ ต้นสูงประมาณ 30 ซม. ลักษณะดอกมี 5 แฉกสีน้ำเงินเข้มถึงม่วง บางครั้งก็มีสีชมพู และขาวด้วย         -น้ำมันโบราจช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่

                    -ช่วยให้ผิวนุ่ม และกรดสเตียริคช่วยอุ้มน้ำและทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นที่ดี

                    -สารแอนตี้ออกซิเดนท์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าวิตามินอี ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย และซ่อมแซมผิวที่ไหม้จากการถูกแสงแดด

    *              ตังกุย     ตังกุย เป็นสมุนไพรที่รู้จักกันดี และนิยมใช้กันอย่างมากเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม รสหวานออกขมเล็กน้อย จัดอยู่ในกลุ่มสมุนไพรที่มีรสอุ่นกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต บำรุงโลหิต ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ และแก้ปวด

    โดยความนิยมแล้วถือว่า ตังกุย เป็นสมุนไพรที่ทรงคุณค่าสำหรับสตรี เนื่องจากเป็นตัวยาที่มีผลต่อมดลูกโดยตรง คือมีสรรพคุณ ในการช่วยให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ แก้ปวดประจำเดือน ช่วยบรรเทาอาการปวดหัว ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว (rheumatism) และเป็นยาระบายท้องอ่อนๆ ด้วย

                    -คุณสมบัติด้านการบีบตัว (ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว) ของมดลูกได้คุณสมบัติในการกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกได้ดี (คือ เพิ่มการบีบตัวของมดลูก) จึงนิยมใช้ตังกุยเป็นยาช่วยในการขับน้ำคาวปลา และช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วขึ้นผลต้านการอักเสบและลดการบวม โดยการทดสอบทางชีวเคมี ถึงขบวนการเกิดการอักเสบ พบว่า สารจากตังกุยสามารถขัดขวางการเกิด 5-hydroxytryptamine (5-HT) และลดการส่งผ่านของสารทางผนังเซลล์หัวใจ (coronary flow) และกระแสโลหิตที่ร่างกาย peripheral blood flow ได้โดยการทำให้หลอดเลือดขยายตัว (dilate vessel) มีผลต่อการเต้นของหัวใจ ให้ความดันล่างสูงขึ้น

                    -เป็นสารต้านการเจริญเติบโตของเชื้อราบางชนิด

                    -ใช้เป็นยาแก้โรคผิวหนัง เช่น แก้อาการคัน

                    -ใช้เป็นยาแก้หืด

                    -ใช้เป็นยาแก้ปวด

                    -ใช้ลดไขมันในโลหิต โดยลดการดูดซึมโคเลสเตอรอล (cholesterol) เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งเป็นการป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด

                    -ต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือด

    *              ขิง (Ginger)     เป็นทั้งพืชสุมนไพรและเครื่องเทศ มีสรรพคุณด้านการรักษาโรคได้     

                    -ขิงมีฤทธิ์แก้อาเจียนจากสาเหตุต่างๆ ได้แก่  การอาเจียนจากการเมารถเมาเรือ   การอาเจียนจากการตั้งครรภ์   การอาเจียนจากยามะเร็งและฉายรังสี

                    -ฤทธิ์ขับลม  ขิงสามารถลดอาการจุกเสียดได้ดีเนื่องจากมีน้ำมันหอมระเหยซึ่งช่วยขับลม

                       -ฤทธิ์ขับน้ำดี  ผงขิง มีฤทธิ์ขับน้ำดีจึงช่วยย่อย

                       -ฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้

                       -ฤทธิ์ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร

                       -ฤทธิ์ลดการอักเสบ

                                    – ฤทธิ์แก้ไอ

    *              Betacarotene เบต้าแคโรทีน จากธรรมชาติ  เมื่อเข้าสู่งร่างกายจะเปลี่ยนรูปไปเป็นวิตามินเอ ซึ่งมีความสำคัญสำหรับความแ
    *          Citus Bioflavonoids ซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์  เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่รุนแรงและช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง ซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์สามารถช่วยปกป้องเนื้อเยื่อเกี่ยวพันจากการทำลายของเอนไซม์ที่หลั่งมาจากกระบวนการอักเสบ และที่สำคัญมันยังช่วยกระตุ้นการจัดเรียงตัวของเส้นใยคอลลาเจนในผิวหนังอีกด้วยโอวววว…สรรพคุณมากมายขนาดดี (อ่านกันแทบไม่ไหว)  จึงเป็นที่ยืนยันเลยค่ะว่า…พริมโรส สูตร “พริมโรส พลัส By นิวทริไลท์”  ของเค้าดีจริง ๆ ค่ะ

  7.  
    พริมโรส พลัส ประโยชน์ที่มากกว่ามากมายสำหรับคุณผู้หญิง

                พริมโรส พลัส
            PRIMROSE PLUS

    นิวทริไลท์ พริมโรส พลัส เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรเฉพาะของนิวทริไลท์

    ประกอบด้วย

    ส่วนผสมของน้ำมันอีฟนิงพริมโรส

    น้ำมันโบราจ ที่ให้กรดแกมมา ไลโนเลนิก

    ขิงผงเข้มข้น

    สารสกัดจากตังกุย

    ซิตรัสไบโอฟลาโวนอยด์เข้มข้น

    เบต้าแคโรทีนจากธรรมชาติ ซึ่งให้สารไฟโตนิวเทรียนส์จากธรรมชาติ เจือสีธรรมชาติ

    ไม่ใช้วัตถุแต่งกลิ่นรสและวัตถุกันเสีย
    ใน 1 แคปซูลประกอบด้วย : น้ำมันโบราจ 129 มก. (18.96%), น้ำมันอีฟนิงพริมโรส 128 มก. (18.87%), ขิงผงเข้มข้น 51 มก. (7.6%), ซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์เข้มข้น 25 มก. (3.8%), สารสกัดจากตังกุย 17 มก.(2.6%), เบต้าแคโรทีน 100 หน่วยสากล (0.02%)
    วิธีบริโภค : รับประทานวันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร
    บรรจุขวดละ 120 แคปซูล

    ราคา 856 บาท(เม็ดละ 7 บาท รับประทานได้ 4  เดือนค่ะ)
    ฆอ. 5431/2552

                    จะเห็นว่าส่วนประกอบใน 1 เม็ด มีสารที่เป็นประโยชน์มากมาย  ต่อจากนี้เรามาลองดูว่าทำไม “พรีมโรส พลัส จึงให้ประโยชน์ได้มากกว่า”

    *          น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส  น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส คืออะไร พริมโรส (Primrose) มีถิ่นกำเนิดอยู่ในลาตินอเมริกา เป็นพืชในเขตหนาว ลำต้นสูง มีดอกสีเหลืองกลีบบาง ลักษณะของดอกจะเป็นก้านและดอกจะมีลักษณะแผ่กว้าง ในฝักของดอกพริมโรส (Primrose) จะมีเมล็ดสีน้ำตาล และมีน้ำมันชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส ออยส์ (Evening Primrose Oil) อยู่ในเมล็ดซึ่งทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบหลักของเยื่อหุ้มเซลล์ (Cell membrane) มีคุณสมบัติในการป้องกันการสูญเสียน้ำของเซลล์ผิวหนัง ผิวจึงคงความชุ่มชื่น สดใส เปล่งปลั่ง และมีน้ำมีนวล  น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส จะถูกร่างกายเปลี่ยนเป็น GLA โดยเอนไซม์ 6-Desaturase ซึ่ง GLA นี้เป็นสารตั้งต้นในกระบวนการสร้างพรอสตาแกลนดิน 1 (Prostaglandin E1 – PGE1) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทช่วยให้ร่างกายเกิดความสบาย ตลอดจนป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อาทิ ช่วยลดการอักเสบ ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง บรรเทาอาการแทรกซ้อนจากโรค เบาหวาน และที่สำคัญที่สุด คือ รักษาอาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือน

    น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสต่ออาการปวดประจำเดือนและอาการก่อนและหลังประจำ เดือน
    อาการที่เกิดขึ้นร่วมกันกับการมีประจำเดือน อันได้แก่ อาการปวดศรีษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย วิงเวียนศรีษะ ปวดหลัง รวมถึงอาการคัดหน้าอก เป็นอาการที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้หญิงเป็นอย่างมาก เป็นผลจากการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวมากเกินไป ทำให้ไขมันถูกเปลี่ยนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มมากขึ้นในเนื้อเยื่อมดลูก ส่งผลให้มดลูกบีบตัวมากกว่าปกติ ทำให้อาการปวดท้องในขณะที่มีประจำเดือนเกิดขึ้น นอกจากนี้กรดไขมันอิ่มตัวที่มากเกินไปจะทำให้ฮอร์โมนโปรแลคตินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการคัดหน้าอก และทำให้เลือดออกมาก เป็นผลให้เพิ่มการบีบตัวของเลือดในมดลูก ทำให้มีอาการปวดประจำเดือนมากด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ฮอร์โมนโปรแลคตินยังทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดศรีษะ ปวดหลัง ปวดเมื่อยรวมถึงอาการอ่อนเพลียขณะมีประจำเดือน

    น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส กับ โรคเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่

    ตามปกติ เยื่อบุมดลูกอยู่ในโพรงของมดลูกเป็นเนื้อเยื่อที่ตอบสนองต่อระดับของฮอร์โมน เพศเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน เมื่อถึงรอบเดือนเยื่อบุมดลูกจะหนาตัวขึ้น เพราะถูกฮอร์โมนเพศกระตุ้นแต่พอฮอร์โมนเพศลดระดับลง เยื่อบุมดลูกจะสลายตัวออกจากโพรงมดลูก หลุดออกมาเป็นประจำเดือนเมี่อออกมาหมดแล้ว และมีฮอร์โมนเพศมากระตุ้นอีก เยื่อบุมดลูกจะหนาขึ้นเหมือนเดิม และเมื่อระดับฮอร์โมนเพศลดลงก็จะออกมาเป็นประจำเดือนของเดือนถัดไปแต่ ในบางครั้งเยื่อบุมดลูกเกิดอยู่ผิดที่ กล่าวคือ ไม่อยู่ในโพรงมดลูก แต่กลับไปอยู่ที่ รังไข่บ้าง ช่องเชิงกรานบ้าง ดังนั้น เมื่อฮอร์โมนเพศมีระดับสูง เยื่อบุมดลูกที่อยู่ผิดที่จะหนาขึ้น และเมื่อระดับฮอร์โมนเพศลดลงก็จะออกมาเป็นเลือด แต่เลือดที่ออกมานี้จะระบายออกมาทางช่องคลอดเช่นเยื่อบุมดลูกที่อยู่ในโพรง มดลูกไม่ได้ เลือดที่ออกมาจะถูกขังอยู่เป็นถุงน้ำหรือซีสต์ ในรังไข่บ้าง ช่องเชิงกรานบ้าง ซึ่งถ้าก้อนมีขนาดใหญ่ก็อาจจะต้องทำการผ่าตัด ดังนั้นกรดไขมันจำเป็น ซึ่งก็คือ กรดแกมมา ไลโนเลนิก (GLA) ที่มีอยู่ในน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสจึงมีบทบาทต่อโรคเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่ เป็นอย่างมาก กล่าวคือ กรดแกมมา ไลโนเลนิก ถูกเอาไปสร้างพรอสตาแกลนดิน 1(Prostaglandin E1 – PGE1) สามารถบรรเทาอาการอักเสบของก้อนเนื้อได้ ทำให้อาการปวดลดลง

    น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสกับโรค ไขข้ออักเสบ
    ไขข้ออาจมีโอกาสอักเสบได้ เนื่องจากการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อมือ ข้อนิ้ว ที่ทำงานหนัก แต่การซ่อมสร้างต้องกระทำอย่างรวดเร็ว เมื่อมีอายุมากขึ้น ความสามารถในการซ่อมสร้างอาการอักเสบของข้อต่างๆของร่างกายนั้นลดน้อยลง จึงเกิดอาการอักเสบและมีอาการปวดข้อในผู้สูงอายุได้ นอกจากนี้ยังมีโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ ซึ่งเป็นโรคไขข้ออักเสบหลายๆข้อทั่วร่างกาย เกิดจากภูมิต้านทานไวเกินและมาทำร้ายเนื้อเยื่อของไขข้อและเนื้อเยื่อรอบข้อ ในผู้ป่วยที่เป็นโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์นี้ จะมีระดับพรอสตาแกลนดิน 1(Prostaglandin E1– PGE1) ที่รักษาอาการอักเสบต่ำมาก แต่มีระดับพรอสตาแกลนดิน 2 ที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบและจ็บปวดมากกว่าปกติ  โดยปกติ การรักษาอาการอักเสบของข้อเป็นหน้าที่ของพรอสตาแกลนดิน 1 (Prostaglandin E1 – PGE1) ซึ่งมีอยู่ใน น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส จะทำหน้าที่คอยบรรเทาอาการอักเสบและอาการบวมรอบข้อลงได้

    จากการ ศึกษาทดลองใช้ในผู้ป่วยเป็นเวลานาน 6 เดือน พบว่าผู้ป่วยที่รับประทาน น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส จะให้ผลลดอาการปวดและอักเสบตามไขข้อได้ดีกว่ายาหลอกอย่างชัดเจน

    น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสกับโรคเบา หวาน
    น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส สามารถช่วยป้องกันอาการเซลประสาทถูกทำลายจากโรค เบาหวาน จากการวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่า GLA ใน อีฟนิ่งพริมโรส สามารถช่วยป้องกันอาการดังกล่าวได้ และในบางรายยังสามารถทำให้เซลประสาทคืนกลับมาเหมือนเดิมได้ด้วย อาการปลายประสาทอักเสบ (neuropathy) นั้นจะพบได้บ่อยในผู้ป่วยโรค เบาหวาน จากการศึกษาที่นานนับปี มีผลวิจัยออกมาว่าอาการชาตามปลายประสาท อาการเจ็บปวดแปลบๆ และอาการสูญเสียความรู้สึกในผู้ป่วย เบาหวาน จะลดน้อยลงจากชัดเจนในรายที่รับประทาน น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส กว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทาน

    น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสกับปัญหา โรคอื่นๆ
    -น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส กับผื่นแพ้และกลากน้ำนม
    ผู้ ที่มีอาการของผื่นแพ้ โดยเฉพาะในเด็กที่เป็นกลากน้ำนม ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนกรดไขมันโอเมก้า 6 ชนิดกรดไลโนเลอิก (Linoleic – LA) ให้เป็นกรดแกมมา ไลโนเลนิก (GLA) ได้ หรือถ้าเปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนได้น้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เนื่องจากขาดเอนไซม์ในปฏิกิริยาชีวเคมีบางชนิด

    -น้ำ มันอีฟนิ่งพริมโรส กับผิวพรรณ
    ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่น ปรับสภาพผิวที่แห้งกร้านให้กลับดูนุ่มนวลสดใส ลดริ้วรอยและความหมองคล้ำของผิวพรรณ ช่วยลดการเกิดสิวอุดตัน ตลอดจนช่วยรักษาอาการผิดปกติทางผิวหนัง เช่น ผิวหนังแห้ง รวมถึงอาการผมร่วง มีรังแค และเล็บเปราะได้

    นอกจากนี้ยังช่วยรักษาอาการโรคเรื้อนกวาง (eczema) ซึ่งทำให้ผู้ป่วยโรคนี้มีอาการลดลงสามารถปริมาณการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ลงไป

    -น้ำ มันอีฟนิ่งพริมโรส กับ โรคความดันโลหิตสูง
    โรคของหลอดเลือดอันเกิดจาก ไขมันในเลือดสูง ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและเสียความยืดหยุ่น แรงดันเลือดในหลอดเลือดเพิ่มสูงขึ้นจากความแข็งของเลือด อันเป็นสาเหตุสำคัญของโรคความดันโลหิตสูง การที่หลอดเลือดเพิ่มแรงต้านทานในการไหลของหลอดเลือดจะส่งผลกระทบต่อหัวใจ กล่าวคือ จะต้องออกแรงบีบไล่เลือดไปตามหลอดเลือดที่แข็งตัวแรงกว่าเดิม เป็นเหตุให้ความดันโลหิตเพิ่มตาม

    กรดไขมันจำเป็น คือ กรดแกมมา ไลโนเลนิก (GLA) ใน น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสสามารถลดความดันโลหิตลงได้

    -น้ำ มันอีฟนิ่งพริมโรส กับ โรคหัวใจ
    โรคหัวใจ เกิดจากไขมันในเลือดสูง ทำให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือด หลอดเลือดมีขนาดรูแคบลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอและเกิดอาการแน่นหน้าอก ปวดในหน้าอก จนกระทั่งหัวใจวายได้ใน น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส มีกรดโอเมก้า 6 ช่วยป้องกันไม่ให้เลือดจับตัวกันเป็นก้อน ป้องกันไม่ให้เกิดตะกอนของไขมันในหลอดเลือด และป้องกันโรคหัวใจได้

    -น้ำ มันอีฟนิ่งพริมโรส กับ โรคไต
    ผู้ป่วยที่ป่วยเป็น โรคไต บางรายที่กินยาบางตัว หรือได้รับสารพิษบางตัว ซึ่งสารเคมีดังกล่าว มักจะไปยับยั้งการสร้างฮอร์โมนพรอสตาแกลนดิน 1 (Prostaglandin E1 – PGE1) แล้วทำให้ไตเสียตามมา การบริโภคกรดไขมันจำเป็นโอเมก้า 6 ชนิด GLA จะสามารถถนอมรักษาไตให้คงสภาพปกติได้นานเนื่องจากการบริโภคน้ำมันอีฟนิ่ง พริมโรสเข้าไป จะทำให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนพรอสตาแกลนดิน 1 (Prostaglandin E1 – PGE1) ได้มากขึ้น ส่งผลให้สามารถแก้ไขความเสียหายของไตที่เกิดขึ้นให้กลับคืนสู่ปกติได้

    -น้ำ มันอีฟนิ่งพริมโรส กับ โรคจิตใจ
    โรคจิตเภท (Schizophrenia) เกิดขึ้น เนื่องจากมีความผิดปกติทางชีวเคมีในสมองของผู้ป่วย ทำให้เกิดอาการทางสมอง คือ ควบคุมตนเองไม่ได้ ซึมเศร้า ทำอะไรไม่รู้ตัว ประสาทหลอน ซึ่งอาการดังกล่าวนักวิทยาศาสตร์คาดว่า อาจเป็นเพราะร่างการขาดกรดไขมันจำเป็น ชนิด กรดแกมมา ไลโนเลนิก (GLA) และมีฮอร์โมนพรอสตาแกลนดิน 1 (Prostaglandin E1 – PGE1) ไม่เพียงพอรวมทั้งยังมีกรดไขมันจำเป็นชนิด กรดไลโนเลอิก (Linoleic – LA) น้อยกว่าปกติ ดังนั้น การบริโภค น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส จะทำให้เพิ่มกรดไขมันจำเป็น ส่งผลให้ลดอาการทางจิตใจได้

    -น้ำมันอี ฟนิ่งพริมโรส กับ โรคอัลไซเมอร์
    โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคความจำเสื่อม มักจะเกิดกับผู้สูงอายุ มีอาการหลงลืม โดยสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับปัจจุบันไป แต่สามารถจำอดีตได้ การที่ผู้สูงอายุสูญเสียความทรงจำไปนี้เพราะขาดกรดไขมันจำเป็น ผลก็คือ เม็ดเลือดแดงจะมีเยื่อหุ้มเซลล์แข็งขึ้นกว่าเดิม ทำให้จับออกซิเจนได้ลดลง เป็นผลให้สมองได้รับเลือดไปเลี้ยงน้อยกว่าปกติ จึงเกิดอาการหลงลืม การบริโภค น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส เข้าไป สามารถเพิ่มกรดแกมมา ไลโนเลนิก (GLA) จะทำให้เม็ดเลือดแดงกลับคืนสู่สภาพปกติ กล่าวคือ สมองได้รับออกซิเจนไปเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น อาการดังกล่าวข้างต้นก็จะทุเลาลง

    -น้ำ มันอีฟนิ่งพริมโรส กับ โรค ไข้หวัด
    หลังจากการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด ร่างกายจะอ่อนเพลียเสมอ ทั้งนี้เพราะการติดเชื้อหวัดจะกระทบต่อการดูดซึมกรดไขมันจำเป็นชนิดกรดไลโน เลอิก (Linoleic – LA) เข้าสู่ร่างกาย อีกทั้งยังยับยั้งการเปลี่ยนกรดไลโนเลอิก (Linoleic – LA) ไม่ให้เป็นกรดแกมมา ไลโนเลนิก (GLA) อีกด้วย
    ในขณะที่เป็นหวัด ร่างกายจึงขาดกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 6 อย่างรุนแรงทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว และเกิดอาการอ่อนเพลียอย่างรุนแรง ซึ่งการบริโภค น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส จะสามารถบรรเทาอาการหวัดลงได้

    -น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส กับ โรคตับเรื้อรัง
    ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง จะมีกรดไขมันจำเป็นในเลือดผิดปกติ โดยมีกรดชนิด กรดไลโนเลอิก (Linoleic – LA) สูงผิดปกติ แต่เมตาโบไลต์ชนิดอื่นในปฏิกิริยาเคมีอยู่ในระดับต่ำ แสดงว่าร่างกายของผู้ป่วยโรคตับเรื้อรังไม่สามารถเปลี่ยน กรดไลโนเลอิก (Linoleic – LA) ให้กลายเป็นกรดแกมมา ไลโนเลนิก (GLA) ดังนั้นฮอร์โมนพรอสตาแกลนดิน 1 (Prostaglandin E1 – PGE1) จึงมีระดับต่ำ ทำให้โรคตับมีอาการกำเริบขึ้น เพราะภูมิต้านทานจะต่ำลง อาการอักเสบมีมากขึ้น เม็ดเลือดขาวทำงานไม่ดี การบริโภค น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส จะสามารถบรรเทาอาการโรคตับลงได้

    *          น้ำมันโบราจ – Borage Oil     น้ำมันโบราจได้มาจากเมล็ดของต้นโบราจ borago officinalis หรือ starflower พบทั่วไปในยุโรปแทบเมดิเตอเรเนียน แอฟริกาเหนือ และ อเมริกาเหนือ ต้นสูงประมาณ 30 ซม. ลักษณะดอกมี 5 แฉกสีน้ำเงินเข้มถึงม่วง บางครั้งก็มีสีชมพู และขาวด้วย         -น้ำมันโบราจช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่

                    -ช่วยให้ผิวนุ่ม และกรดสเตียริคช่วยอุ้มน้ำและทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นที่ดี

                    -สารแอนตี้ออกซิเดนท์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าวิตามินอี ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย และซ่อมแซมผิวที่ไหม้จากการถูกแสงแดด

    *              ตังกุย     ตังกุย เป็นสมุนไพรที่รู้จักกันดี และนิยมใช้กันอย่างมากเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม รสหวานออกขมเล็กน้อย จัดอยู่ในกลุ่มสมุนไพรที่มีรสอุ่นกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต บำรุงโลหิต ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ และแก้ปวด

    โดยความนิยมแล้วถือว่า ตังกุย เป็นสมุนไพรที่ทรงคุณค่าสำหรับสตรี เนื่องจากเป็นตัวยาที่มีผลต่อมดลูกโดยตรง คือมีสรรพคุณ ในการช่วยให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ แก้ปวดประจำเดือน ช่วยบรรเทาอาการปวดหัว ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว (rheumatism) และเป็นยาระบายท้องอ่อนๆ ด้วย

                    -คุณสมบัติด้านการบีบตัว (ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว) ของมดลูกได้คุณสมบัติในการกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกได้ดี (คือ เพิ่มการบีบตัวของมดลูก) จึงนิยมใช้ตังกุยเป็นยาช่วยในการขับน้ำคาวปลา และช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วขึ้นผลต้านการอักเสบและลดการบวม โดยการทดสอบทางชีวเคมี ถึงขบวนการเกิดการอักเสบ พบว่า สารจากตังกุยสามารถขัดขวางการเกิด 5-hydroxytryptamine (5-HT) และลดการส่งผ่านของสารทางผนังเซลล์หัวใจ (coronary flow) และกระแสโลหิตที่ร่างกาย peripheral blood flow ได้โดยการทำให้หลอดเลือดขยายตัว (dilate vessel) มีผลต่อการเต้นของหัวใจ ให้ความดันล่างสูงขึ้น

                    -เป็นสารต้านการเจริญเติบโตของเชื้อราบางชนิด

                    -ใช้เป็นยาแก้โรคผิวหนัง เช่น แก้อาการคัน

                    -ใช้เป็นยาแก้หืด

                    -ใช้เป็นยาแก้ปวด

                    -ใช้ลดไขมันในโลหิต โดยลดการดูดซึมโคเลสเตอรอล (cholesterol) เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งเป็นการป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด

                    -ต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือด

    *              ขิง (Ginger)     เป็นทั้งพืชสุมนไพรและเครื่องเทศ มีสรรพคุณด้านการรักษาโรคได้     

                    -ขิงมีฤทธิ์แก้อาเจียนจากสาเหตุต่างๆ ได้แก่  การอาเจียนจากการเมารถเมาเรือ   การอาเจียนจากการตั้งครรภ์   การอาเจียนจากยามะเร็งและฉายรังสี

                    -ฤทธิ์ขับลม  ขิงสามารถลดอาการจุกเสียดได้ดีเนื่องจากมีน้ำมันหอมระเหยซึ่งช่วยขับลม

                       -ฤทธิ์ขับน้ำดี  ผงขิง มีฤทธิ์ขับน้ำดีจึงช่วยย่อย

                       -ฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้

                       -ฤทธิ์ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร

                       -ฤทธิ์ลดการอักเสบ

                                    – ฤทธิ์แก้ไอ

    *              Betacarotene เบต้าแคโรทีน จากธรรมชาติ  เมื่อเข้าสู่งร่างกายจะเปลี่ยนรูปไปเป็นวิตามินเอ ซึ่งมีความสำคัญสำหรับความแข็งแรงของเซลล์ผิวและผนังหลอดเลือดที่ผิวหนัง และด้วยฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่รุนแรงของวิตามินเอ จะช่วยลดปริมาณอนุมูลอิสระได้

    *          Citus Bioflavonoids ซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์  เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่รุนแรงและช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง ซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์สามารถช่วยปกป้องเนื้อเยื่อเกี่ยวพันจากการทำลายของเอนไซม์ที่หลั่งมาจากกระบวนการอักเสบ และที่สำคัญมันยังช่วยกระตุ้นการจัดเรียงตัวของเส้นใยคอลลาเจนในผิวหนังอีกด้วยโอวววว…สรรพคุณมากมายขนาดดี (อ่านกันแทบไม่ไหว)  จึงเป็นที่ยืนยันเลยค่ะว่า…พริมโรส สูตร “พริมโรส พลัส By นิวทริไลท์”  ของเค้าดีจริง ๆ ค่ะ

    สนใจติดต่อ 08-06131979

  8. หนุแต่งงานกันมา1ปีแล้วแต่หนูไม่เคยกินยาคุมเลยสักครั้งพยามมีอรัยกันบ่อยๆแต่ทำไมหนูถึงมีลูกไม่ได้ แต่งสามีหนูเคยเป็นโรคฉี่หนูมาก่อนมันเกี่ยวกันไหมที่จะทำให้ไม่มีลูกแล้ว มีทางออกไหมช่วยแนะนำ หนูหน่อย

  9. ไม่น่าเกี่ยวนะครับ

    ลองใช้เทคนิค ทางการแพทย์ โดยปรึกษาคุณหมอนะครับ

  10. ให้คำปรึกษาเรื่องส้วม ส้วมเต็มบ่อยๆ (ส้วมเต็มเร็ว) การกำจัดสิ่งอุดตันในท่อทุกประเภทราคาประหยัด รวดเร็ว “ไม่ต้องทุบ ไม่ต้องรื้อถอนตัวอาคาร”ให้บริการกำจัดสิ่งอุดตันทุกประเภท เพราะเรามีทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์งานด้านนี้ครับ โทร 080-090-6140, 089-686-5904 ” ให้บริการแบบครบวงจร เราแก้ไขปัญหาท่อน้ำทิ้ง อุตตั้น ท่อน้ำทิ้งไหลช้า ส้วมตัน ปัญหาส้วม ส้วมเหม็น ส้วมกดไม่ลง ลาดไม่ลง มีบริการลอกท่อ ล้างบ่อบำบัด ตามโรงงาน บริษัท อพาร์ตเม้น คอนโดมิเนียม เราบริการทั่วประเทศ ทั่วทุกภาค “รวดเร็ว ประหยัด ซื่อสัตย์ บริการทั่ว กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล” เราคือ sewerbkk

  11. หนูและสามีอายุ 34 ปี มีลูกแล้ว 1 คนอายุ 5 ปีอยากได้อีกคนคะแต่ยังไงก็ไม่ได้ซักที่ไม่เคยกินยาคุมแต่สามีเป็นเบาหวานหนูเป็นไทรอย..สามีเวลามีเพศสัมพันมักจะไม่หลั่งน้ำอสุจิคือไม่มีน้ำอสุจิเลยจะมีวิธีไหนบ้างคะที่จะรักษาได้

Leave a Reply

Your email address will not be published.